เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. ที่ อาบ อบ นวด นาตารี ถนน รัชดาภิเษก แขวงเขตดินแดง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากกรมการปกครองกว่า 40 คนพร้อมตำรวจ สน.ห้วยขวาง และ เจ้าหน้าที่ทหารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร นำกำลังเข้าตรวจค้นการค้าประเวณี ภายใต้ “ปฏิบัติการสังขร” ในสถานบริการ นาตารี อาบอบนวด หลังได้รับการร้องเรียนจากองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศด้านต่อต้านการค้า มนุษย์ “NVADER” ได้แจ้งเบาะแสและร้องเรียน ว่ามีการค้ามนุษย์ภายในสถานบริการแห่งนี้

จากการตรวจสอบพบ ที่เกิดเหตุเป็น อาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ สูง 5 ชั้นบริเวณชั้น 1 พบ หญิงขายบริการทางเพศ จำนวนกว่า 120 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในข้อหาค้าประเวณีโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบ หญิงขายบริการ 6 คน ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี และยังพบหญิงต่างด้าวไม่ต่ำกว่า 10 คน ค้าประเวณีอีกด้วย

ว่า ที่นายกองเอก วรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน เปิดเผยว่า ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการเตรียมปิดสถานบริการแห่งนี้ เนื่องจากพบว่ามีการค้าประเวณี และ แอบแฝงนำชาวต่างด้าวเข้ามาค้าบริการทางเพศ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่พบบัญชีส่วยที่มีการโอนเงินให้กับบุคคลต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขยายผลดำเนินคดี สำหรับผู้ต้องหาและของกลางเจ้าหน้าที่เตรียมนำไปสอบสวนขยายผลที่สำนักการสอบ สวนและนิติการ กรมการปกครองต่อไป



ทีมา:http://www.siamupdate.com/news-183188

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลา 11 วัดลาดพร้าว แขวงและเขตลาดพร้าว ญาติได้นำศพน.ส.กชกร ธรรมจักร์ ผู้เสียชีวิตจากอาคารโรงแรมสยามบีช เกาะช้าง ทรุดถล่ม มาถึงวัดลาดพร้าว เพื่อมาบำเพ็ญกุศล โดยวันนี้ยังไม่ได้มีการรดน้ำศพ ทางญาติได้นำศพบรรจุโลงไว้ เพื่อทำพิธีในวันพรุ่งนี้ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของญาติพี่น้อง

นายวิชญ ธรรมจักร์ อายุ58 ปี อาของน.ส.กชกร เปิดเผยว่าหลานสาว เรียนจบปริญญาตรีสาขาวิชานาฏศิลป์และศิลปการแสดงคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏจันทรเกษม แม่เสียชีวิตตั้งแต่อายุได้ไม่กี่ขวบ และพ่อป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ และประสบอุบัติเหตุต้องผ่าตัดสมอง ทำให้ต้องอยู่บ้านเฉยๆ และมีน้องชาย 1 คน น้องพึ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และยังต้องดูแลปู่และย่าอายุเกือบ 90 ปี ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวก่อนหน้านี้เคยขายเสื้อผ้า ต่อมาไปเรียนทำอาหารญี่ปุ่น แล้วมาเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารญี่ปุ่น ชื่อร้านนานาคุ๊กกิ้งที่บ้านพักย่านลาดพร้าว เป็นคนดีน่ารัก ชอบทำบุญ และหลังเกิดเหตุทางบ้านได้ยินเสียน้องมาเรียกชื่อญาติๆ หลายๆคนทำเอาใจสลายตามๆกันเพราะรู้ว่าน้องยังไม่รู้ตัว ขนลุกกันทั้งงานเมื่อได้ฟัง
ส่วนที่มีการพูดกันว่าหลานสาว เป็นคนไปปลุกเพื่อนให้รู้ตัว แต่ตนเองต้องเสียชีวิตนั้นตนเองไม่รู้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เพียงแต่ไปรับศพหลานกลับมาเท่านั้น ซึ่งการเดินทางไปรับศพหลานสาว ทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ให้การช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี และในวันนี้ยังไม่ได้มีการรดน้ำศพเพราะว่าเพิ่งรับศัพกลับมาถึง เตรียมตัวไม่ทัน ต้องทำพิธีพรุ่งนี้โดยจะมีการสวดพระอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย ถึง11มิ.ย.ประชุมเพลิงวันที่ 12 มิ.ย.เวลา 15.00 น

ที่มา http://www.siamupdate.com/news-183179

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลา 11 วัดลาดพร้าว แขวงและเขตลาดพร้าว ญาติได้นำศพน.ส.กชกร ธรรมจักร์ ผู้เสียชีวิตจากอาคารโรงแรมสยามบีช เกาะช้าง ทรุดถล่ม มาถึงวัดลาดพร้าว เพื่อมาบำเพ็ญกุศล โดยวันนี้ยังไม่ได้มีการรดน้ำศพ ทางญาติได้นำศพบรรจุโลงไว้ เพื่อทำพิธีในวันพรุ่งนี้ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของญาติพี่น้อง

นายวิชญ ธรรมจักร์ อายุ58 ปี อาของน.ส.กชกร เปิดเผยว่าหลานสาว เรียนจบปริญญาตรีสาขาวิชานาฏศิลป์และศิลปการแสดงคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏจันทรเกษม แม่เสียชีวิตตั้งแต่อายุได้ไม่กี่ขวบ และพ่อป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ และประสบอุบัติเหตุต้องผ่าตัดสมอง ทำให้ต้องอยู่บ้านเฉยๆ และมีน้องชาย 1 คน น้องพึ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และยังต้องดูแลปู่และย่าอายุเกือบ 90 ปี ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวก่อนหน้านี้เคยขายเสื้อผ้า ต่อมาไปเรียนทำอาหารญี่ปุ่น แล้วมาเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารญี่ปุ่น ชื่อร้านนานาคุ๊กกิ้งที่บ้านพักย่านลาดพร้าว เป็นคนดีน่ารัก ชอบทำบุญ และหลังเกิดเหตุทางบ้านได้ยินเสียน้องมาเรียกชื่อญาติๆ หลายๆคนทำเอาใจสลายตามๆกันเพราะรู้ว่าน้องยังไม่รู้ตัว ขนลุกกันทั้งงานเมื่อได้ฟัง
ส่วนที่มีการพูดกันว่าหลานสาว เป็นคนไปปลุกเพื่อนให้รู้ตัว แต่ตนเองต้องเสียชีวิตนั้นตนเองไม่รู้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เพียงแต่ไปรับศพหลานกลับมาเท่านั้น ซึ่งการเดินทางไปรับศพหลานสาว ทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ให้การช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี และในวันนี้ยังไม่ได้มีการรดน้ำศพเพราะว่าเพิ่งรับศัพกลับมาถึง เตรียมตัวไม่ทัน ต้องทำพิธีพรุ่งนี้โดยจะมีการสวดพระอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย ถึง11มิ.ย.ประชุมเพลิงวันที่ 12 มิ.ย.เวลา 15.00 น
ที่มา:http://www.siamupdate.com/news-183179

กล้องวงจร ปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะหญิงวัยรุ่นอายุ 17 ปี ยกพวกวัยรุ่นชาย 7 คน บุกขึ้นหอพัก เข้ารุมทำร้ายเจ้าของห้องพัก หลังถูกไล่ไม่ให้พักด้วยเพราะพาเพื่อนมาส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (5 มิ.ย.) ภาพจากกล้องวงจรปิดของหอพักแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก ถูกเผยแพร่ภาพในสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้ผู้ประกอบกิจการหอพัก และผู้เช่าหอได้เพิ่มความระมัดระวังเหตุทะเลาะวิวาท

เหตุดังกล่าวเกิด ขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. ของวันนี้ 5 มิ.ย. (เวลาในกล้องเร็วกว่าเวลาจริงประมาณ 1 ชั่วโมง) มีผู้หญิงวัยรุ่นอายุ 17 ปี ขนของออกจากห้องพักไปประมาณ 10 กว่านาที และกลับมาพร้อมกับกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 7 คน โดยผู้หญิงวัยรุ่นคนนี้ได้เคาะประตูเรียกก่อน จากนั้นวัยรุ่นชายทั้งหมดได้เข้าไปภายในห้อง เพื่อรุมทำร้ายร่างกาย นายฌาปกรณ์ อายุ 20 ปี

โดย ผู้ชายทั้งหมด 7 คน เข้าไปภายในห้อง ซึ่งภายในห้องมีรุ่นพี่ผู้ชายอีก 2 คนได้พยายามห้ามการทะเลาะวิวาท และจากนั้นไม่นานนายฌาปกรณ์ได้วิ่งหนีออกมา ก่อนที่จะถูกรุมทำร้ายบริเวณหน้าห้อง แล้วนายฌาปกรณ์ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปยังห้องพักอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องว่างและไม่ได้ล็อคประตู

ซึ่งขณะเกิดเหตุภาย ในห้องนายฌาปกรณ์ กลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดมุ่งหมายจะทำร้ายร่างกายนายฌาปกรณ์เพียงคนเดียว โดยไม่ได้ทำร้ายรุ่นพี่ที่อยู่ในห้องแต่อย่างใด รวมถึงทรัพย์สินภายในหอพักด้วย

จากการสอบถาม นายฌาปกรณ์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุเพื่อนผู้หญิงชื่อ มิลล์ อายุประมาณ 17 ปี ได้ทะเลาะกับแม่แล้วมาขอพักอาศัยจึงให้เข้ามาอยู่ได้ แต่มิลล์ได้พาเพื่อนมากินเหล้าส่งเสียงดังจนตนเองไม่พอใจเพราะมันผิดระเบียบ หอพัก ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้แก่ตนเองที่เป็นเจ้าของห้องพักถูกไล่ออกจากหอได้

นายฌาปกรณ์เชื่อว่า สาเหตุหลักน่าจะเกิดจากเหตุผลดังกล่าว ทำให้มิลล์ไม่พอใจจึงโทรศัพท์ติดต่อเพื่อให้พากันเข้ามารุมทำร้ายรางกายตน เอง ตามที่มีคลิปปรากฏ

ด้าน ร.ต.อ.นพดล ไม้งาม รองสารวัตรสอบสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ขอภาพคลิปวงจรปิด และหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ระหว่างรอผลการตรวจสภาพร่างกายจากทางแพทย์ แล้วจะสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

>
ที่มา:http://www.siamupdate.com/news-183166

มีผู้รายงานข่าวมายัง เว็บไซต์  siamupdate ยายคนนี้ป่วยเป็นโรคกระดูกทับเส้นต้องเข้าผ่าตัด วอนผู้ใจบุญช่วยรับหลานชายอายุ 5 เดือนเศษไปเลี้ยง ชีวิตรันทด ป่วยมานาน ฐานะยากจน หลังลูกสาว 4 คน ทิ้งไป 4 ปี ปล่อยให้อยู่กับหลาน 3 คน

จากการสอบถามนาง ฤทธิ์ เล่าว่า ตนเองได้เลิกรากับสามีมา 10 ปีแล้ว ซึ่งสามีกินเหล้า และสูบกัญชา ถ้าวันไหนเมาเหล้ามาชอบทุบตีตนเอง ตนเองทนไม่ได้ก็เลยยอมเลิก และมีบุตรสาว 4 คน ปัจจุบันอาศัยอยู่บนที่ดินของสหกรณ์นิคมสร้างตนเองคำสร้อย

ก่อนหน้านี้ลูกสาวของตนเองทั้ง 4 คน ได้หายออกจากบ้านไปไม่ทราบชะตากรรม 2 คน และลูกสาวคนที่ 3 ได้เอาหลานมาให้ตนเองเลี้ยงตั้งแต่เด็ก จนโตอายุ 7 ปี ตอนนี้ศึกษาอยู่โรงเรียนบ้านกกแดง โดยเดินทางไปโรงเรียนด้วยเท้า ระยะทางไป-กลับ 6 กิโลเมตร ซึ่งตนเองก็เป็นห่วงหลานสาวเพราะข้างทางเป็นป่าอ้อย และไร่มันสำปะหลัง เกรงว่าจะได้รับอันตราย

ต่อมาลูกสาวได้เอาหลานคนที่ 2 มาให้เลี้ยงอีกเมื่อปีที่แล้ว และไม่มาเหลียวแลอีกเลย พออายุหลานได้ 1 ปี ตนเองไม่มีเงินซื้อนม ซื้อข้าวให้หลานกิน จึงได้ยกหลานให้คนอื่นเอาไปเลี้ยง ต่อมาลูกสาวคนเดิมได้เอาหลานมาให้ตนเองเลี้ยงอีก อายุ 5 เดือนเศษ

นางฤทธิ์กล่าวอีกว่า ตอนนี้ตนเองก็ป่วยเป็นโรคกระดูกทับเส้น หมอจะให้เข้าทำการผ่าตัด ในวันที่ 6 ตุลาคม 58 ตนเองจึงได้เดินทางไปหาครูกิ่งแก้ว ที่โรงเรียนบ้านคำแฮด ห่างจากบ้านประมาณ 3 ก.ม. ว่าจะยกหลานชายให้ไปเลี้ยง เพราะว่าตนเองไม่มีเงินซื้อข้าวซื้อนมให้หลานกิน

จากการสอบถาม ครูกิ่งแก้ว สิงห์ทอง เล่าว่า ได้มีนางฤทธิ์ มาพบตนที่โรงเรียน เพื่อจะทานหลานชายให้กับคนที่อยากจะรับไปเลี้ยง ตนเองก็ตกใจและบอกกับยายว่า เป็นคนไม่ใช่สิ่งของจะให้กันง่ายๆ เลยแนะนำยาย ให้ไปที่ อบต.กกแดง และนิคมสงเคราะห์ เพื่อขอความช่วยเหลือ

จากนั้นตนเองได้ตามมาดูที่บ้านของยายฤทธิ์ ก็ได้เห็นสภาพก็น่าสงสาร ได้สอบถามยายว่ามีลูกสาว 4 คน ใน 4 คนก็ได้หายไป 2 คน ปัจจุบันอยู่กับ เด็กหญิงกฤติยา อายุ 7 ปี หลานสาวที่กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.1 ที่บางวันต้องหยุดเรียน เพื่อช่วยยายเลี้ยงน้องชายวัย 5 เดือน และไม่มีเงินไปโรงเรียน โดยยายหารับจ้างทั่วไปเล็ก ๆ น้อย ๆ พอได้เงินมา ประทังชีวิตเลี้ยงครอบครัว

จึงอยากวอนผู้ใจบุญได้เข้าไปดูแลช่วยเหลือยายหลาน 3 คนนี้ด้วย สามารถบริจาคช่วยเหลือผ่านบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขานิคมคำสร้อย ชื่อบัญชี นางฤทธิ์ ศรีวิชา เลขที่บัญชี 427 - 0 - 20427 - 3 หรือ ติดต่อ นางกิ่งแก้ว สิงห์ทอง ครูโรงเรียนบ้านคำแฮดประชาสรรค์ ตำบลกกแดง อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร หมายเลขโทรศัพท์ 085-006-5340

ทาง siamupdate หวังว่าทุกท่านที่ได้ช่วยเหลือคนจน คนตกทุกข์ จะเจอแต่ความสุขเงินทองมีเข้ามาไม่หยุด ขอให้บุญที่ทำกลับไปหาคนดีทุกคนสาธุ
ที่มา:http://www.siamupdate.com/news-177342

สุดช็อค!! ใหญ่จนตกใจ…“งูยักษ์หนักกว่า 400 โล”โผล่หลังระเบิดหิน ทำเอาผู้พบเห็นต่างก็ตกตะลึง!

แทบช็อค!! คนงานที่บราซิลพบงูยักษ์หนักกว่า 400 กิโลกรัมหลังระเบิดหินลูกยักษ์ ทำเอาผู้พบเห็นต่างก็ตกตะลึง !

โดย ขณะที่แรงงานชาวบราซิลกำลังระเบิดหินเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับสร้างเขื่อน เก็บน้ำ เมื่อพวกเขาระเบิดหินออกแล้วทำให้พบกับสิ่งที่น่าตกใจ เป็นงูหลามขนาดยักษ์! เกล็ดของมันแต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่กว่าเล็บของมนุษย์เสียอีก ขนาดลำตัวยาวประมาณ 10 เมตร น้ำหนัก 400 กิโลกรัม เรียกได้ว่าใหญ่จนน่าตกใจ !

แต่ ด้วยแรงระเบิดทำให้งูตัวนี้ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย เหล่าคนงานจึงรีบพาเจ้างูยักษ์นี้ไปไว้ในที่ปลอดภัยก่อนถึงงูจะดูเป็นสัตว์ ที่น่ากลัว แต่เมื่อมนุษย์ไปรุกล้ำที่อยู่ของมันทำให้มันได้รับบาดเจ็บ ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอยู่ไม่น้อยนะ…

ที่มา  : liekr

เช้านี้ 5 มิ.ย 59 เวลา06.15 น. รับแจ้งมีเหตุ จักยานยนต์ ล้มเองโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือ อาจจะถูกชนแล้วหลบหนี ก็เป็นไปได้ ที่เกิดเหตุ หน้าปั๊ม ปตท.สายสุราษฎร์-นาสาร ที่เกิดเหตุ ม.6 มะขามเตี้ย จ.สุราษฎร์ธานี จากการตวรจสอบที่เกิดเหตุ เสียชีวิต หญิง 2 ราย ที่เกิดเหตุ รายที่ 1.นส.สุกัญญา กรุณา อายุ 19 ปี รายที่ 2.นส.สุพรรณวดี บุญเพชร อายุ 18 ปี

ที่เกิดเหตุเป็นช่วงทางโค้งพบ ศพ น.ส.สุกัญญา กูร์นา อายุ 19 ปี และน.ส.สุพรรณวดี บุญเพ็ชร์ อายุ 18 ปี สภาพศพนอนกองกันอยู่ที่โคนเสาเหล็กที่เป็นป้ายเครื่องหมายจราจร ห่างกันประมาณ10 เมตรพบ รถ จยย.ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ ทะเบียน กฐ 1732 สุราษฎร์ธานี ล้มอยู่บนฟุตบาท และก่อนถึงจุดเกิดเหตุพบ มีร่องรอยจยย.เสียหลักบริเวณขอบข้างทางอีกด้วย

จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.ณปภัช สุขประเสริฐ อายุ 18 ปี และน.ส.หทัยทิพย์ ใหม่สร้วง อายุ 20 ปี เพื่อนของผู้ตายกล่าวว่า พวกตนทั้งสี่คนเป็นนักศึกษาปีหนึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี ในช่วงปิดภาคเรียนได้ออกไปทำงานที่ร้านอาหารในตัวเมือง ซึ่งก่อนเกิดเหตุเลิกงานตอนตี 5 หลังจากรับประทานอาหารเสร็จจึงได้ขับรถ จยย.จะกลับไปยังหอพักที่มหาวิทยาลัย โดยน.ส.หทัยทิพย์ ได้ขับรถสกู๊ปปี้ไอสีแดง ทะเบียน 1กช 5378 สฎ นำหน้า มีตนเองนั่งซ้อนท้ายขับนำหน้า ส่วนรถของสกู๊ปปี้ไอสีดำ มีผู้ตายทั้งสองขับไปด้วยกัน ต่อมาพวกตนไม่เห็นคันหลังตามมาจึงได้ย้อนกลับไปดูพบว่าทั้งคู่กลายเป็นศพนอนกองอยู่ข้างถนนเสียแล้ว

โดยนางสาวณปภัช กล่าวว่าทุกวันผู้ตายจะเป็นผู้ที่นั้งซ้อนท้ายพวกตนคนละคัน แต่วันนี้ผู้ตายได้ขอเพื่อนขับรถกันเอง แต่ก็ได้มาประสพเหตุเสียก่อนที่จะถึงหอพักทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนจะได้ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไปว่าล้มเองหรือถูกเฉี่ยวชนจากรถคันอื่นต่อไป
อันตราย มากๆ ช่วงนี้เห็นเด็กวัยรุ่นหลายๆคน ชอบการขับขี่จักรยานยนต์  บางทีชะล่าใจว่าเราขับขี่คล่องแล้วเก่งแล้ว ยิ่งตจว. ขับขี่ตอนกลางคืนหมวกกันน็อกไม่สวมใส่ แถมใส่ชุดสีดำๆมืดๆอีก เฮ้อ! บางทีเราอาจไม่ชนใคร และใครจะรู้ว่าจะมีใครชนเราไหม?  อุบัติเหตุเกิดได้ทุกเมื่อ สำคัญที่สุดเราต้องระมัดระวัง จริงแท้แน่นอน หมวกกันน็อดช่วยได้นะ สำคัญที่สุด! สวมเถอะ สุดท้ายครอบครัวต้องหัวใจแทบสลาย…RIP.


 ขอเเสดงความเสียใจ กับ ญาติผู้เสียชีวิต ด้วยนะค่ะ

Cr. https://www.facebook.com/SriarunService?fref=ts